วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

อบรม Confluence Trade Setup

ขอประชาสัมพันธ์ คอร์ส อบรม Confluence Trade Setup (คอนฟลูเอนซ์ เทรด เซ็ตอัป) - Fibonacci & Trendline/Channeling….


วันที่ 31 พค 2558 นี้ 1 วันเต็ม ราคาเพียง 2,900 บาท เท่านั้น… คอร์ส นี้ เป็น คอร์ส ที่มีประโยชน์ มาก เพราะเรียนจบแล้ว สามารถนำไปใช้ในการเทรด ได้เลย อีกทั้งยังถือเป็น คอร์ส พื้นฐาน สำหรับ ผู้ที่สนใจอยากจะเรียน Advanced Elliott Wave ในอนาคต ต่อไป อีกด้วยค่ะ... คอร์สนี้เหมาะสำหรับ เทรดเดอร์ ทั้งมือใหม่ และ คนที่มีประสบการณ์มาแล้ว สำหรับ เทรดเดอร์ ที่ใช้ Fibonacci ในการเทรดอยู่แล้ว จะทราบว่า Fibonacci มีความแม่นยำสูง แต่หากนำ หลักการ Confluence มาใช้ร่วมด้วย คุณจะพบว่า มีความแม่นยำสูงมากอย่างเหลือเชื่อ แล้วคุณจะได้พบกับ สิ่ง มหัศจรรย์ ที่คุณคาดไม่ถึง ซึ่ง เราจะมาสอนในคอร์สนี้ว่า คุณจะทำได้อย่างไร???... สนใจ ติดต่อ บริษัท IRS โทร 02 650 7930-1... ไว้เจอกันนะคะ...

#คอนฟลูเอนซ์ เทรด เซ็ตอัป #คอนฟลูเอนซ์ เทรด เซ็ตอัพ

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

การซื้อหุ้นอย่างสบายใจ

การซื้อหุ้นอย่างสบายใจ

หลายคนซื้อหุ้นอะไรก็ไม่รู้มาแล้วเครียด เครียดว่าซื้อแล้วบริษัทจะเจ๊งไหม หุ้นจะโดนถล่มหรือเปล่า บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับเทคนิคการเล่นหุ้นอย่างสบายใจ ไม่เครียด ใช้เวลาไม่มาก และได้กำไรงาม ที่นักลงทุนแบบ VI ต้องรู้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีงานประจำเต็มเวลา จะได้ลงทุนกันอย่างสบายใจ และมีผลตอบแทนที่เหนือกว่าการฝากเงินธรรมดาๆ หลายเท่านัก

หลักการในการเลือกหุ้นเพื่อลงทุนอย่างสบายใจ

  • เลือกหุ้นที่เรารู้จัก เช่น รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ผู้ให้เครือข่าย ร้านสะดวกซื้อ หรือห้างอะไรก็แล้วแต่ที่เรารู้จัก และรู้ว่ากิจการไปได้สวย ถ้าเราไปซื้อหุ้นอะไรไม่รู้ เกิดมาไม่เคยได้ยิน หรือไม่รู้เลยว่าบริษัททำอะไร ก็อาจทำใหลงทุนด้วยความสบายใจได้ยาก 
  • ดูงบกำไรขาดทุน ตรวจสอบย้อนหลังดูว่า กำไรทุกปีหรือเปล่า ปันผลทุกปีหรือเปล่า การลงทุนที่ดี จำเป็นต้องมีผลตอบแทนออกมาในรูปเงินปันผลทุกปี ไม่ใช่ว่าเก็งกำไรกันอย่างเดียว ให้ยึดหลักที่ว่า หุ้นปั่น เวลาขึ้น ขึ้นเร็ว เวลาลง ก็ลงเร็วเหมือนกัน ดังนั้นถ้าอยากสบายใจ ก็ควรหลีกเลี่ยง อย่าโลภ
  • ดูทรัพย์สิน เทียบกับหนี้สินว่าเป็นอย่างไร หุ้นที่ดี หนี้สินต้องน้อย ถ้าหนี้สินมาก ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะมาก กำไรจากการดำเนินงานก็จะน้อย เงินปันผลก็จะน้อย (หรืออาจไม่มีเลย)
  • ดูอัตราส่วน P/E (P/E ratio คือราคาต่อกำไรสุทธิ) ต้องต่ำ ๆ เข้าไว้ คืออัตราความสามารถในการทำกำไรสูงเมื่อเทียบกับราคา หรือมีการเก็งกำไรกันน้อยนั่นเอง จริงอยู่ หุ้นที่ P/E สูง ๆ อาจทำให้เรากำไรเร็วมาก ๆ แต่ถ้าพลาดขึ้นมา ก็ขาดทุนเร็วมาก ๆ เช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อหุ้นให้สบายใจ ราคาไม่ควรหวือหวามาก
  • ดูว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งเป็นข้อมูลเปิดเผย ใคร ๆ ก็เปิดดูได้ เช่น เราต้องการทราบว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของรถไฟฟ้า ก็ให้เปิดดูที่ http://www.set.or.th/set/companyholder.do?symbol=BTS&language=th&country=TH เป็นต้น
  • ดูข้อมูลสิทธิประโยชน์ผู้ถือหุ้นในปีที่ผ่าน ๆ มา (ข้อมูลในอดีต) ว่าเท่าที่ผ่านมานี่ เศรษฐกิจแบบนี้ บริษัทที่เราสนใจ จ่ายเงินปันผล หรือหุ้นปันผลเป็นอย่างไรบ้าง บางบริษัท กำไรมหาศาล แต่จ่ายเงินปันผลนิดเดียวก็มี เพราะเก็บเงินเอาไว้ลงทุนต่อ บางบริษัทจ่ายเงินปันผลมามากกว่า 90% ของเงินที่กำไรมา เพราะไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มแล้ว อะไรอย่างนี้เป็นต้น

การตั้งเป้าจากผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้น ก็คือเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี โดยเลือกซื้อหุ้นที่เน้นความปลอดภัยของตัวกิจการเป็นหลัก หุ้นที่มีความเปลี่ยนแปลงช้าในด้านของธุรกิจ เป็นกิจการที่ไม่ทันสมัย สินค้าเป็นที่ต้องการของคนในปัจจุบันและอนาคต นั่นคือหุ้นที่มีอนาคตนั่นเอง . . . 

อนึ่ง การลงทุนในลักษณะนี้ ไม่ใช่ว่าจะได้กำไรรวดเร็วเป็นรายวัน หรือรายเดือน เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหุ้นที่มีราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ให้เข้าใจว่าเป็นการลงทุนคนละแบบกันครับ

ไว้พบกันใหม่ . . . 

การเล่นหุ้น คืออะไร

การเล่นหุ้น

การเล่นหุ้น หรือเรียกเต็ม ๆ ว่าคือการลงทุนในหลักทรัพย์ ก็คือการนำเงินที่มีอยู่ เพื่อไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่า จุดประสงค์ก็คือทำให้ได้ผลตอบแทน จะมากหรือน้อย ก็แล้วแต่ลักษณะการลงทุนและการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ของเราเอง โดยที่การลงทุนในหลักทรัพย์มีผลตอบแทนอยู่ 2 ประเภทคือ
  • ผลตอบแทนจากเงินปันผล ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายจ่ายเงินปันผลของบริษัทต่าง ๆ บางแห่งจ่ายปีละครั้ง บางแห่งจ่ายปีละ 2 ครั้ง บางแห่งจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 70% สำหรับนโยบายของแต่ละบริษัท จะมีประกาศเอาไว้อย่างชัดเจน เราต้องเข้าไปเปิดดูกันเอง
  • ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาหุ้น คือเมื่อเราซื้อหุ้นมาในราคาต่ำ จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป (นานเท่าไหร่ก็ได้ หรือจะไม่กี่วัน หรือเล่นสั้นไม่กี่นาทีก็ได้) เราก็สามารถขายหุ้นที่มีอยู่ในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา หักลบค่านายหน้าให้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นตัวแทนในการซื้อขายหุ้น เงินส่วนที่เหลือก็คือผลตอบแทนในการเล่นหุ้นนั่นเอง
การวิเคราะห์หุ้น มี 2 ลักษณะคือ
  • การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน : หมายถึงการวิเคราะห์ทิศทางของราคาหุ้น โดยใช้ผลประกอบการ ซึ่งอาจเป็นกำไรต่อหุ้น คาดการณ์กำไรที่จะเกิดในอนาคต เงินปันผล หรือทิศทางเศรษฐกิจ หรือข่าวสารในแง่บวกหรือลบที่คิดว่าจะทำให้หุ้นมีราคาสูงขึ้น หรือต่ำลงเป็นหลัก โดยไม่สนใจกราฟในอดีตว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร
  • การวิเคราะห์โดยใช้ข่าวสาร : เช่น การวิเคราะห์ราคาหุ้นจากการที่รัฐบาลประกาศว่า จะสร้างระบบขนส่งระบบราง โดยมีโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ เราก็อาจต้องวิเคราะห์ลึกลงไปอีกว่า ข่าวสารดังกล่าว เมื่อเกิดขึ้นจริงแล้ว บริษัทใดจะได้รับประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ และมีผลทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่างไร และสิ่งเหล่านี้ ทำให้กระทบต่อราคาหุ้นอย่างไร มีผลบวก ผลลบ หรือเสมอตัว อะไรอย่างนี้เป็นต้น 
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยใช้กราฟ :  หมายถึงการใช้กราฟเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มทางเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งนักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงต่างก็คิดค้นสูตรในการคำนวณออกมามายมาย มีทฤษฎีเกี่ยวกับการวิเคราะห์ในลักษณะนี้เยอะมาก แต่ละทฏษฎีก็จะมีตัวบ่งชี้ หรือ Indicator เพื่อบอกว่า กราฟตัวนี้กำลังจะขึ้น หรือกำลังจะลงในระยะสั้น หรือระยะกลาง หรือระยะยาว เป็นต้น ศาสตร์ด้านนี้มีเรื่องให้ศึกษาเยอะมาก นักลงทุนคนไหนสนใจก็สามารถค่อย ๆ เรียนรู้ได้  
กรอบเวลาในการเล่นหุ้น
  • ระยะสั้น เช่น การเล่นหุ้นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน อาจเรียกนักลงทุนประเภทนี้ว่า นักเทรด (Trader) หรือนักเก็งกำไร (Speculator) สิ่งที่เป็นที่คาดหวังของนักลงทุนประเภทนี้คือ ส่วนต่างราคาหุ้น 
  • ระยะกลาง เช่น การลงทุนระยะกลาง อาจจะ 6 เดือนถึง 1-2 ปี นักลงทุนประเภทนี้ คาดหวังทั้งส่วนต่างราคา และผลตอบแทนจากเงินปันผล 
  • ระยะยาว หมายถึงการลงทุนระยะยาวเป็นเวลาหลายปี บางคนเรียกว่านักลงทุนประเภทนี้ว่าวีไอ (Value Investor) หรือ VI สิ่งที่เป็นที่คาดหวังของนักลงทุนประเภทนี้คือ เงินปันผล ซึ่งจะมีการจ่ายให้กับนักลงทุนทุกปี ปีละมาก ๆ เป็นต้น และส่วนต่างของราคาหุ้น ถือว่าเป็นผลพลอยได้  
ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้จาก www.set.or.th ซึ่งเป็นเว็บของตลาดหลักทรัพย์ ภายในเว็บเป็นข้อมูลเปิดเผยต่อนักลงทุนทั่วไป มีข้อมูลละเอียดยิบ โดยประกาศผลประกอบการ หรืองบการเงินทุกไตรมาส (ทุก 3 เดือน) เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจก่อนการลงทุน






วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีเล่นหุ้นเริ่มต้น

วิธีเล่นหุ้นเริ่มต้น

ให้ศึกษาขั้นตอนต่าง ๆ ในการเล่นหุ้น หรือการลงทุนในหุ้นได้ที่เว็บ http://www.tsi-thailand.org ซึ่งมีข้อมูลละเอียดมาก ๆ

สำหรับระบบอีเลิร์นนิ่ง สมัครเพื่อเรียนได้ ที่นี่ เป็นระบบที่ค่อนข้างจะครบและสมบูรณ์แบบ

ข้อมูลในเว็บ TSI มีทั้งอธิบายการลงทุนในหุ้น ฟิวเจอร์ ออปชัน ตราสารหนี้ เนื้อหาครอบคลุมมาก ๆ ลองไปเปิดดูกันนะครับ


วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

กฎการลงทุนในตลาดหุ้น (ให้ได้กำไร)

กฎการลงทุนในตลาดหุ้น (ให้ได้กำไร)

6 สิ่งที่ไม่ควรทำในตลาดหุ้น

  1. อย่าซื้อขายตามข่าวลือ เนื่องจากบางครั้งเราอาจเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่ทราบข้อมูล
  2. อย่าลงทุนในบริษัทที่เราไม่เข้าใจลักษณะธุรกิจ อย่าแห่ตามกัน
  3. อย่าสับสนระหว่างการลงทุนกับการเก็งกำไร การเก็งกำไรดำเนินระยะสั้นก็คือการเล่นหุ้น ส่วนการลงทุนก็คือการลงทุน มีระยะเวลายาวนาน
  4. อย่าตกใจในวิกฤติระยะสั้น ความผันผวนในตลาดหุันเป็นเรื่องปกติ 
  5. อย่าคาดเดาตลาด การคาดเดาก็คือความไม่แน่นอน 
  6. อย่าลงทุนโดยไม่มีแผน ควรมีแผนการลงทุนและวินัยในการลงทุน เพราะมันจะเป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวคุณเอง

หุ้นมีขึ้นมีลง ควรศึกษาข้อมูลต่าง  ๆ รอบด้านให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะลงทุนนะครับ

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

DESIRE - ความปรารถนาอย่างแรงกล้า

“The starting point of all achievement is DESIRE. Keep this constantly in mind. Weak desire brings weak results, just as a small fire makes a small amount of heat.”

Napoleon Hill, Think and Grow Rich


จุดเริ่มต้นของความสำเร็จทั้งหมดก็คือ "ความปรารถนาอย่างแรงกล้า" จำไว้ให้ดี ความปรารถนาที่อ่อนแอก็เหมือนกับเปลวเพลิงขนาดเล็ก ที่สร้างไออุ่นได้เพียงเล็กน้อย . . . .นโปเลียน ฮิลล์

คำกล่าวนี้ เป็นจริงมาก ๆ เลย คนที่ไม่มีความปรารถนา หรือไม่มีความต้องการใด ๆ เลย จะไม่มีทางประสบความสำเร็จอะไรเลย เมื่อคนไม่มีความต้องการ จะไม่พลังในการขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ ซึ่งตรงข้ามกับคนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในจิตใจ แม้จะมีความไม่พร้อม ก็มุ่งมั่นที่จะลงมือทำทันที ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่พร้อม

จริง ๆ แล้ว ในโลกนี่ ไม่มีใครเคยพร้อมหรอก ความไม่พร้อม อันที่จริงแล้ว ก็คือข้ออ้างนั่นเอง การที่จะเริ่มทำในสิ่งใหม่ ๆ หรือมุ่งไปสู่สิ่งที่ตัวเองต้องการนั้น ถ้ามัวแต่อ้างโน่นอ้างนี่ มันก็มีเรื่องอ้างได้ตลอดเวลาแหละ ดังนั้น หากต้องการเปลี่ยนไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น หรือก้าวไปสู่จุดหมายที่เราต้องการนั้น ต้องลงมือทำอะไรที่แตกต่าง และทำ "เดี๋ยวนี้" ทำ "ทันที" ไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น

คนที่จะประสบความสำเร็จ ต้องพร้อมที่จะขับเคลื่อนทุกสิ่งไปข้างหน้า และการที่จะพร้อมได้นั้น ต้องเริ่มต้นด้วยความต้องการ หรือความปรารถนาเสียก่อน ดังคำที่ว่า "ความปรารถนาอย่างแรงกล้า คือพลังในการขับเคลื่อนทุกสิ่ง" 

ทุกสิ่งต้องการแรงขับเคลื่อน แม้แต่โลกเราเอง นี่เป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่ไม่มีใครจะขัดได้ ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่นี่เป็นความจริง . . . แม้แต่โลกเราเอง ที่หมุนตลอดเวลา และเคลื่อนที่ เดินทางไปตลอดเวลา ก็ยังมีพลังจักรวาลในการขับเคลื่อนเช่นเดียวกัน . . .